การใช้เคมี



การถนอมอาหารด้วยสารเคมี


        ในปัจจุบันยังคงมีการใช้สารเคมีเพื่อยืดอายุการเก็บของอาหาร ซึ่งการเติมสารเคมีบางครั้งอาจไม่จำเป็นและเป็นการสิ้นเปลือง สารเคมีบางชนิดที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในอาหารเช่น บอแรกซ์ ฟอร์มาลีน มีความผิดตามกฏหมาย การเติมสารเคมีเหล่านี้อาจเกิดเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยจงใจ
สารเคมีหรือสารเจือปนอาหารจัดเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติอาหาร ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงทำการควบคุมชนิดและปริมาณการใช้ในอาหารแปรรูปหลายชนิด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งแบ่งวัตถุหรือสารเจือปนอาหารออกเป็นหมวดต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ในการใช้ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ใช้ปรับความเป็นกรด - ด่าง เช่น กรดซิตริก กรดฟอสฟอริก กรดแลคติก กรดอะซิติก แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นต้น
2. วัตถุประสงค์ใช้เพื่อกันการรวมตัวเป็นก้อน เช่น โซเดียมซิลิเคต แคลเซียมสเตียเรต
3. วัตถุประสงค์ใช้กันหืนและเสริมฤทธิ์วัตถุที่ใช้กันหืน เช่น โทโคฟีรอล กรดฟอสฟอริก
4. วัตถุประสงค์ใช้เป็นเกลือ เช่น โซเดียมฟอสเฟต แคลเซียมซัลเฟต
5. วัตถุประสงค์ใช้เป็นอิมัลซิไฟเออร์ สเตบิไลเซอร์ และสารทำให้ข้น เช่น กัวร์กัม คาราจีแนน แคลเซียมคลอไรด์ เจลาตินชนิดรับประทาน เลซิทิน อซิติเลตเตตไดสตาร์ชฟอสเฟต แอซิดทรีตเตตสตาร์ช
6. วัตถุประสงค์ใช้เพื่อกันเสีย เช่น กรดซอร์บิก กรดเบนโซอิก
7. วัตถุประสงค์ใช้เพื่อการคงรูป เช่น แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมซิเตรท
8. วัตถุประสงค์ใช้เป็นแคริเออร์โซลเวนต์ เช่น กลีเซอรีน โปรปิลีนไกลคอล
9. วัตถุประสงค์อื่น ๆ ในที่นี้จะกล่าวถึงสารเจือปนอาหารที่มีการใช้กันมากในอุตสาหกรรมอาหารขนาด กลางและขนาดย่อม ซึ่งได้แก่ สารกันหืนและสารกันเสีย